ดอกพิกุล
ดอกพิกุลเอามาอบขนมหรืออบน้ำทำน้ำอบไทยได้ค่ะ อบขนมก็ได้ทั้งอบแห้งและอบเปียก การเอาดอกไม้มาอบขนมมีข้อจำกัดว่าจะต้องเลือกใช้อบให้ถูกเวลาที่ดอกไม้ชนิดนั้นบานซึ่งจะเป็นช่วงที่ส่งกลิ่นหอม เช่น ถ้าเป็นดอกมะลิ จะบานเย็น ๆ ค่ำ ๆ เวลาเอาอบขนมหรือมาลอยน้ำก็จะเก็บมาใช้อบตอนเย็นและเก็บออกในตอนเช้า ดอกพิกุลคือเป็นดอกไม้ที่บานและส่งกลิ่นหอมในช่วงเช้ามืด ราว ตีสี่ถึงแปดโมงเช้า (แม่น บ่) ดังนั้นถ้าจะนำดอกพิกุลมาอบขนมต้องใช้ในตอนเช้าและเก็บออกในเวลาเย็น วิธีใช้ จัดวางขนมที่จะอบในภาชนะที่มีฝาปิดมิดชิด วางดอกพิกุลลงไปแต่เบามืออย่าให้ช้ำจะเหม็นเขียว อาจวางบนตัวขนมหรือหาถ้วยจานใบน้อย ๆ ใส่ดอกพิกุลวางลงไปอีกทีก็ได้ ปิดฝา แล้วเก็บออกในตอนเย็น
การอบเปียกด้วยดอกพิกุล การอบเปียก คือ การอบน้ำเพื่อเอาไปทำขนมหรือทำน้ำอบน้ำปรุงแป้งร่ำต่อไป เนื่องจากดอกพิกุลเป็นดอกไม้ที่มีกลีบเล็กและมีเกสรละเอียด ดังนั้นจึงไม่ควรเอาลอยลงในน้ำโดยตรง แต่ควรใส่ในภาชนะเล็ก ๆ แล้วลอยลงไปเพื่อไม่ให้กลีบและเกสรฝอย ๆ นั้นกระจายปนอยู่ในน้ำ วิธีลอย เตรียมน้ำใส่ในภาชนะที่มีฝาปิดสนิท วางจนน้ำนิ่งแล้วค่อยวางภาชนะใส่ดอกพิกุลลงไป ปิดฝา แล้วเก็บออกในตอนเย็น
ส่วนการเอาดอกพิกุลมาทำน้ำชานั้น คือเอาดอกพิกุล ไปตากแห้ง แล้วมาชงน้ำดื่ม มีสรรพคุณทางยาคือบำรุงหัวใจ แก้ไอ แกไข้ แก้ร้อนใน แก้เจ็บคอ และแก้ปวดเมือยค่ะ ว่าแต่คนไทยนี่แปลกนะ ชาก็คือใบชา น้ำชาก้น่าจะเป็นน้ำที่ชงจากใบชา แต่คนไทยเอาอะไรมาชง เรียกเหมารวมว่า ชาหมดเลย เช่น ชาใบหม่อน ชาใบแปะก๊วย แล้วนี่ยังจะมีชาดอกพิกุลอีก ฮ่วย สิเป็นตางึดแท้น้อ
การอบเปียกด้วยดอกพิกุล การอบเปียก คือ การอบน้ำเพื่อเอาไปทำขนมหรือทำน้ำอบน้ำปรุงแป้งร่ำต่อไป เนื่องจากดอกพิกุลเป็นดอกไม้ที่มีกลีบเล็กและมีเกสรละเอียด ดังนั้นจึงไม่ควรเอาลอยลงในน้ำโดยตรง แต่ควรใส่ในภาชนะเล็ก ๆ แล้วลอยลงไปเพื่อไม่ให้กลีบและเกสรฝอย ๆ นั้นกระจายปนอยู่ในน้ำ วิธีลอย เตรียมน้ำใส่ในภาชนะที่มีฝาปิดสนิท วางจนน้ำนิ่งแล้วค่อยวางภาชนะใส่ดอกพิกุลลงไป ปิดฝา แล้วเก็บออกในตอนเย็น
ส่วนการเอาดอกพิกุลมาทำน้ำชานั้น คือเอาดอกพิกุล ไปตากแห้ง แล้วมาชงน้ำดื่ม มีสรรพคุณทางยาคือบำรุงหัวใจ แก้ไอ แกไข้ แก้ร้อนใน แก้เจ็บคอ และแก้ปวดเมือยค่ะ ว่าแต่คนไทยนี่แปลกนะ ชาก็คือใบชา น้ำชาก้น่าจะเป็นน้ำที่ชงจากใบชา แต่คนไทยเอาอะไรมาชง เรียกเหมารวมว่า ชาหมดเลย เช่น ชาใบหม่อน ชาใบแปะก๊วย แล้วนี่ยังจะมีชาดอกพิกุลอีก ฮ่วย สิเป็นตางึดแท้น้อ
ดอกพิกุลทองเป็นพรรณไม้ยืนต้นขนาดกลาง ลำต้นมีความสูงประมาณ 8-15 เมตร ผิวเปลือกสีน้ำตาลเข้ม มีรอยแตกบางๆ ตามยาว ลำต้นแตกกิ่งก้านเป็นพุ่มแน่นกว้างเป็นทรงกลม ใบออกเรียงสลับกัน ใบมนรูปไข่ปลายแหลม ลักษณะโคนใบมนสอบ ขอบใบโค้งเป็นคลื่นเล็ก ใบเป็นมันสีเขียว ขนาดใบกว้างประมาณ 3-5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 5-8 เซนติเมตร ออกดอกเป็นกระจุกตามง่ามใบ หรือยอด มีกลีบดอกประมาณ 8 กลีบเรียงซ้อนกัน กลีบดอกเป็นจักรเล็กน้อย ดอกเล็กสีขาวนวลมีกลิ่นหอมมาก ผลรูปไข่หรือกลมรี ผลแก่มีสีแสดเนื้อในเหลืองรสหวาน ภายในมีเมล็ดเดียว ขนาดผลกว้างประมาณ 1-2 เซนติเมตร ยาวประมาณ 2-3 เซนติเมตร
การเป็นมงคล
คนไทยโบราณเชื่อว่าบ้านใดปลูกต้นพิกุลทองไว้ประจำบ้านจะทำให้มีอายุยืน เพราะโบราณเชื่อว่าต้นพิกุลทองเป็นไม้ที่มีความแข็งแรงทนทานและมีอายุยาวนาน ดังนั้นจึงนิยมใช้เนื้อไม้นำมาใช้ประโยชน์ในงานพิธีมงคลได้เป็นอย่างดี เช่นด้ามหอกที่ใช้เป็นอาวุธ เสาบ้าน พวงมาลัยเรือ และยังมีความเชื่ออีกว่าต้นพิกุลทองเป็นต้นไม้ที่มีความขลังและศักดิ์สิทธิ์ เพราะโบราณเชื่อว่าเป็นไม้ที่มีเทพเจ้าสิงสถิตอยู่